แชร์ประสบการณ์ขอแฟนแต่งงานแบบกวนๆ

หลังจากที่ผมรักและดูแลผู้หญิงคนนึงมาร่วม 8 ปี ในที่สุดวันของผมก็เปลี่ยนเป็นวันของเราครับ
ก่อนอื่นต้องขอย้อนกลับไปสมัยที่เรียนมหาลัยอยู่ครับ ผมพบกับผู้หญิงคนนี้ขณะที่กำลังกลับบ้านอยู่ครับ เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก เรานั่งอยู่บนรถโดยสารคันเดียวกัน เห็นแค่ครั้งแรกก็รู้สึกเลยครับว่าอยากจะรู้จัก อยากจะจีบ ด้วยความที่ตอนนั้นผมเป็นคนขี้อายจึงไม่กล้าเข้าไปทักเธอก่อน แถมอีกอย่างนึงคือผมเป็นคนที่ค่อนข้างชอบทำอะไรที่มันดูอลังการนิดๆ เลยยิ่งทำให้ตอนนั้น การที่จะแค่เข้าไปทักตรงๆ นึกๆดูแล้วคงต้องขอบคุณที่เธอเข้ามาทักทายผมก่อน ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน
แต่ละวันผ่านไป ก็มีทั้งสุข ทั้งทุกข์ มีบ้างที่เราหัวเราะกันอย่างสุดเสียง และก็ต้องมีบ้างที่เราเสียน้ำตาจนแทบจะทนไม่ไหว ต้องขอบคุณเธออีกครั้งที่อดทนอยู่กับผมจนผ่านช่วงเวลาแห่งความทุกข์มาได้
เมื่อปีที่ผ่านมา ผมลองปรึกษาคุณแม่ของผมดูเรื่องแต่งงาน คุณแม่ก็ไม่ได้ห้าม แต่ให้คำแนะนำมาว่า ถ้าคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ลูกรู้สึกว่าอยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยกัน อยากจะร่วมทุกข์ร่วมสุข อยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายที่ใครซักคนหนึ่งหายใจ ก็รีบๆไปบอกเขาซะ
แต่ก็นะก็ผมเป็นคนขี้อายนี่นา แค่ขอเค้าเป็นแฟนผมยังไม่เคยขอเลยครับ เราเป็นคนรักกันโดยที่ไม่เคยบอกใครว่าเราเป็นแฟนกัน ผมมองว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ความรักเป็นเรื่องที่เรารู้สึกได้จากการกระทำ เธอรู้ว่าผมรักเธอ และผมก็รู้ว่าเธอรักผม แล้วยิ่งบวกด้วยความคลั่งความอลังการอีก การที่จะเดินเข้าไปขอแต่งงานกันง่ายๆนี่ยิ่งไม่ใช่เลยครับ
จนเมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่ผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับแม่ ก็ได้เห็นโฆษณาตัวนึงที่พูดถึง VOICE TO THAI ที่เป็นฟังก์ชั่นพิเศษ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงเสียงเป็นตัวอักษร ตอนนั้นรู้สึกเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวเลยครับ รู้สึกเลยว่านี่แหละสิ่งที่เราตามหามานาน สิ่งที่จะช่วยสร้างความอลังการให้กับการขอแต่งงานในครั้งนี้


**เดี๋ยวอีกซักพักมาเล่าต่อให้นะครับ**
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
**มาต่อให้แล้วนะครับ**

ก่อนอื่นต้องขออนุญาตแปะยูทูปของตัวโฆษณาที่ผมบอกว่าไปเห็นมานะครับ (เผื่อคนอ่านบางท่านไม่เคยเห็นโฆษณาตัวนี้ แล้วจะไม่อิน อิอิ)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (ศุกร์ 13 ครับ ผีกำลังยิ้มน 55) เธอก็โทรศัพท์มาหาผมเพื่อชวนผมไปทานข้าวที่บ้านครับ... (จากนี้ขอแทนตัวเองด้วย A และแทนตัวแฟนผมว่า B นะครับ)
B : แก เย็นนี้มากินข้าวที่บ้านชั้นนะ แม่ชั้นบอกให้ชวนแกมากินแกงส้ม
A : วันนี้หรอ...อื้อ ได้ๆ เดี๋ยวเคลียร์งานเสร็จแล้วรีบไปนะ ว่าแต่ทำไมจู่ๆแม่ชวนไปกินข้าวอ่ะ (ที่จริงผมเตี๊ยมกับคุณแม่ของแฟนผมไว้เรียบร้อยแล้วครับว่าจะขอเธอแต่งงานวันนี้ หึ หึ)
B : ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เอาเป็นว่า เสร็จแล้วรีบๆมารับนะ เดี๋ยวชั้นจะรออยู่ที่คอนโด แล้วค่อยไปบ้านแม่พร้อมกัน
A : ได้ๆ...แต่เดี๋ยวคืนนี้เค้ามีเรื่องจะปรึกษาแกด้วยนะ...ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน

หลังจากนั้นก็ได้เวลาดำเนินการเตรียมตัวตามแผนครับ วันนั้นผมลงทุนลางาน 1 วันเพื่อเตรียมจัดการสถานที่ (บ้านของแฟนนั่นแหละครับ) ทั้งเอากล้องไปซ่อนไว้ในมุมต่างๆ ออกไปซื้อของที่จะเซอร์ไพรส์แฟน แล้วยังเรื่องแหวนแต่งงานอีก แล้วสุดท้ายก็ถึงเวลาแห่งการตัดสินชะตาครับ (ใช้คำซะเวอร์เลย 55)
เย็นวันนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างปกติดีครับ คุณแม่ก็รู้งานเป็นอย่างดี มานั่งกินข้าวด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วสุดท้ายก็ลุกไปล้างจาน ผมก็เลยดำเนินการตามแผน
A : เค้าว่าจะปรึกษาแกเรื่องแต่งงานอ่ะ คือตอนนี้เค้ากำลังอยากจะขอผู้หญิงคนนึงแต่งงานอยู่อ่ะ
B : หรอ ใครอ่ะ? (น้ำเสียงปกติมาก แต่หน้าตานี่ไปละ)
A : แกไม่รู้จักหรอก เค้าแค่ไม่รู้ว่าจะบอกยังไงดี คือรู้จักกันมาหลายปีแล้วอ่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องบอกแล้วแหละ
B : แกก็บอกไปสิ (เสียงสั่นนิดๆ แต่ที่เห็นชัดๆเลยคือ น้ำตานี่คลอเบ้าละ แต่พยายามแอ๊บปกติอยู่)
A : หรอ งั้นเค้าโทรไปเลยนะ


**ใกล้จบแล้วครับ ยังไงเดี๋ยวช่วงหลังเที่ยงผมจะเข้ามาเล่าตอนจบให้ฟังนะครับ**
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
**มาถึงตอนจบของเรื่องแล้วครับ (พอดีเข้าพบหัวหน้ามาเลยมาเล่าต่อช้าครับ ขอโทษที แหะๆ)**

จากนั้นผมก็ทำแอ๊บ หยิบมือถือขึ้นมา ทำเป็นโทรออก แต่ที่จริงเปิดเจ้า VOICE TO THAI แล้วก็ทำการบันทึกเสียงเลยครับ
A : แก...เราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ แกเป็นคนที่อยู่กับเค้าในวันที่เค้ามีทุกอย่าง และในวันที่ไม่เหลืออะไรซักอย่าง แกเป็นคนที่ทำให้เค้ารู้ว่า ถึงเค้าจะเป็นยังไง ก็จะยังมีใครซักคนนึงอยู่เคียงข้างเสมอ ขอบคุณนะ สำหรับทุกๆวันที่ผ่านมา เค้าพยายามถามตัวเองมานานแล้ว ว่าใช่แกรึเปล่า ที่จะอยู่กับเค้าไปตลอดชีวิต...ตอนนี้เค้าแน่ใจแล้ว ว่าต้องเป็นแก...แต่งงานกันเถอะนะ เค้าไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว
พอพูดจบประโยคนี้ผมก็แอบๆเหล่ไปมองหน้าเธอครับ เห็นได้ชัดเลยว่าน้ำตาแตก ก็แหม ณ จุดๆนี้ คงคิดว่าตัวเองอกหัก โดนทิ้ง ที่ผ่านมาคืออะไร บลาๆๆๆๆ แล้วหลังจากนั้นผมก็จัดการส่งข้อความที่ผมพูดทั้งหมดไปที่ไลน์เธอครับ
พอเสียงไลน์เด้ง และเธอเปิดอ่านเท่านั้นแหละ
B :..........
A : แต่งงานกันนะ เค้าไม่อยากจะอยู่คนเดียวอีกแล้ว
B : ไอ้บ้า!!!
เป็นคำตอบตกลงที่ไม่ได้ซึ้งเหมือนอย่างในหนังรักน้ำเน่าเรื่องไหน แต่ก็เป็นคำตอบตกลงที่ทำให้ผมดีใจที่สุดในชีวิตเลยครับ

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าการขอใครซักคนนึงแต่งงาน มันไม่ได้สำคัญเลยว่า ตัวเราจะร่ำรวยมาจากไหน มีรถสปอร์ตกี่คัน หรือว่ายังไง (ผมก็เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนคนนึงที่อายุกำลังจะย่างเข้า 30 ปลายปีนี้ครับ เงินเก็บก็ไม่ได้มีเป็นสิบๆล้าน รถสปอร์ตก็ไม่มีซักคน มีแต่ Civic เก่าๆคันนึง) แต่มันอยู่ที่ความรักของเราที่มีให้เค้าและความรักที่เค้ามีให้เรา ว่ามันเป็นของจริงแค่ไหน

เวลาเท่านั้นครับที่เป็นตัวพิสูจน์ความรัก ว่ามันเป็นของจริงรึเปล่า (ผมรู้จักกับว่าที่ภรรยามาร่วมๆ 10 ปี ครับ แต่คบกันแบบเป็นคนรักหลังจากรู้จักกันได้ 2 ปี)

สุดท้ายนี้(จริงๆ) อยากจะขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามกันนะครับ หากใครเห็นว่ามันน่ารักดี จะแชร์ให้คนอื่นๆอ่านต่อ หรือจะเอาไอเดียของผมไปปรับใช้สำหรับขอใครซักคนแต่งงานก็เต็มที่เลยครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่